เตรียมพร้อมภาษาอังกฤษสำหรับ AEC

246576_10150871051411516_1916675830_a

อีกไม่กี่ปี คือ ในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะต้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ AEC หรือAsean Economic Community (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อพัฒนาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้มแข็งในทุกด้าน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการแลกเปลี่ยนแรงงานระหว่างกัน    ประเทศในอาเซียน มีอยู่ 6 ประเทศที่มีจุดเด่นในด้านต่างๆ รับหน้าเสื่อเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกด้านของภูมิภาค พม่า รับผิดชอบด้านสาขาเกษตรและประมง มาเลเซีย รับผิดชอบสาขาผลิตภัณฑ์ยางและสาขาสิ่งทอ อินโดนีเซีย          รับผิดชอบสาขาภาพยนต์และสาขาผลิตภัณฑ์ไม้ ฟิลิปปินส์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์ สิงคโปร์           สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและสาขาสุขภาพ และประเทศไทย รับผิดชอบด้านสาขาการท่องเที่ยวและสาขาการบิน เนื่องจากมีชัยภูมิอยู่ตรงกลางภูมิภาคพอดิบพอดี

นั่นหมายถึง แรงงานในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคอาเซียน ไล่ตั้งแต่ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ สามารถเดินทางไปมาหาสู่และทำงานในประเทศเหล่านี้ได้อย่างอิสระเสรี เปรียบเหมือนเป็นประเทศเดียวกัน ซึ่งสิ่ง    ที่สำคัญอย่างมากคือเรื่องของการสื่อสาร ที่ทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ดังนั้นใครที่มีความรู้        ด้านภาษาอังกฤษ จะมีความได้เปรียบอย่างมาก

ภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่สำคัญสำหรับการไปทำงานต่างประเทศเท่านั้น แต่แม้กระทั่งทำงานในประเทศไทยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะมีคนอาเซียน เข้ามาอยู่ในไทยมากมายไปหมด และมักจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่จะใช้ภาษาอังกฤษ เพราะ AEC มีมาตรฐานว่าจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางใน AEC และ ป้ายต่างๆ หนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ จะมีภาษาอังกฤษมากขึ้น

แต่สิ่งที่คนไทยต้องยอมรับกันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เลย คือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศไทย ยังไม่อาจเทียบได้เลยกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือฟิลิปปินส์ คนไทยแม้จะรู้ภาษาอังกฤษ แต่ยังขาดทักษะในการสื่อสาร พูดง่ายๆ ก็คือ                 สถาบันการศึกษาในประเทศไทย สอนให้เด็กท่องจำภาษาอังกฤษเพื่อสอบมากกว่าการนำไปใช้จริง

100035951
ขอบคุณข้อมูล : http://www.facebook.com/notes/u-%E0%B8%82%E0%B9%89%E

ปัญหาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กไทย

ในการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า สิ่งที่ประเทศไทยต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน คือองค์ความรู้และทักษะทางด้านภาษาอังกฤษของเด็กไทย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับในอาเซียนยังเป็นรองมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ผลสำรวจทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียนใน 44 ประเทศทั่วโลก     ของสถาบันสอนภาษาอังกฤษนานาชาติ พบว่าไทยมีทักษะการใช้ภาษาอันดับ 42 ขณะที่ประเทศมาเลเซีย พัฒนาก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 9 ส่วนอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 34 และเวียดนามอยู่ใน อันดับ 39   ขณะที่ประเทศสิงคโปร์มีทักษะภาษาอังกฤษของเด็กเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน

เมื่อเทียบสัดส่วนคนที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในไทยกับประเทศในอาเซียน พบว่าคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด หรือ ประชากรประมาณ 6.5 ล้านคน ซึ่งเป็นรองมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ในขณะที่สิงคโปร์ นั้นเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่ใช้             ภาษาอังกฤษมากที่สุดในอาเซียน

5256-attachment

ขอบคุณข้อมูล :http://www.krobkruakao.com/

ภาษาอังกฤษ กับ อนาคตของไทยใน ASEAN

รัฐบาล. โดยกระทรวงศึกษาธิการประกาศให้ปี พ.ศ. 2555 หรือ ค.ศ. 2012                 เป็นปีแห่งการใช้ภาษาอังกฤษ ในโรงเรียน เรียกว่า “English-Speaking Year 2012″ โดยให้โรงเรียนในกระทรวงศึกษาธิการทั้งระบบกว่า 30,000 แห่งทำกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนและการใช้ภาษาอังกฤษในโรงเรียนอย่างเข้มข้นตลอดปี และให้ใช้ภาษาอังกฤษในโรงเรียนกันอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน ระหว่างนั้นก็จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนทุกแห่งให้ได้มาตรฐานสากล ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมพร้อมเด็กและเยาวชน ตลอดจนสังคมไทยโดยรวมให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนภายในปี 2015 และให้พลเมืองไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกได้อย่างมีคุณภาพ. บทความนี้นำเสนอเป็นการส่งเสริมสนับสนุนแนวนโยบายของรัฐบาล                         และเพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษต่อชีวิตและอนาคตของพลเมืองไทยในฐานะพลเมืองอาเซียน    นับแต่นี้เป็นต้นไปและตลอดไป

cartoon000210

ขอบคุณข้อมูล : http://blog.eduzones.com/wigi/81880

ทำอย่างไรจึงจะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง??

วิธีการฝึก ฟังภาษาอังกฤษ ให้ได้ผลเร็ว มีเทคนิค ดังนี้
1. ฝึก ฟังจากเทป บทสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งบทสนทนานั้นจะต้องพูดด้วยความเร็วปกติที่ ชาวต่างชาติ พูด อย่าฝึกฟังจากเทปที่พูดช้ากว่าการพูดปกติของเขา เนื่องจากจะทำให้เราเคยชิน กับการฟังภาษาอังกฤษ แบบที่พูดช้าๆ และเมื่อเจอชาวต่างชาติที่พูดด้วยอัตรา ความเร็วปกติเราก็ไม่เข้าใจเช่นเดิม
2. การฝึกฟังครั้งแรกๆ ควรเริ่มฟัง ครั้งละ 5 – 10 ประโยค (อย่าฟังประโยคเยอะเกินไปจนไม่สามารถจะจำประโยคเหล่านั้นได้)
3. ขณะที่ฝึก ฟังภาษาอังกฤษ ต้องมี Script เสมอ
4. ในการฝึกฟังแต่ละครั้ง ต้องฟังให้ได้อย่างน้อย 4 รอบ คือ
– รอบที่ 1 ฟังพร้อม Script และหากเห็นว่าคำใดที่เราเคยออกเสียงไม่เหมือนเขา หรือเราฟังไม่รู้เรื่องแม้จะมี Script ให้หยุดเทป แล้วจดลงใน Script ว่า เสียงที่เราได้ยินนั้นคืออะไร
– รอบที่ 2 และ 3 ออกเสียงตาม
– รอบที่ 4, 5, 6, ….. ลองฟังแบบหลับตา โดยไม่มี Script
5. ช่วงแรก ขอให้ฝึกฟังประโยคเดิมๆ ด้วยวิธีข้างต้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง (ฝึกทุกวันได้ยิ่งดี) แล้วจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนประโยคให้มากขึ้นเป็น 15-20 ประโยค ต่อการฝึกฟังแต่ละครั้ง
หากทำวิธีดังกล่าวข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ เพียงเดือนเดียว รับรองว่านอกจากจะ ฟังภาษาอังกฤษ          รู้เรื่องแล้ว ยังสามารถ พูดภาษาอังกฤษ ได้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

5zc22

ขอบคุณข้อมูลจาก :http://webboard.yenta4.com/topic/442870

10 Rules by Andrew Bigg กฏ 10 ข้อ

Posted: มีนาคม 19, 2013 in Uncategorized

10 Rules by Andrew Bigg กฏ 10 ข้อ

ข้อ 1. Forget the rule ลืมกฏซะ
นั่นคือเวลาเราพูดภาษาอังกฤษ อย่าไปพะวงเรื่องของภาษาเราจะไม่ถูกไวยากรณ์ หรือใช้กริยาผิดช่อง เพราะฝรั่งเขาไม่เข้มงวดเรื่องนี้เองเลย

ข้อ 2. Make mistake พูดผิดซะ
พูดไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวผิด ถ้าเราผิดฝรั่งเขาก็เข้าใจครับว่าภาษาอังกฤษเป็น ภาษาที่ 2 ของเรา เขายังยินดีช่วยแก้ให้คุณได้ ถ้าเค้าไม่แก้ให้คุณก็อย่าไปคบเขาเลย

ข้อ 3. Don’t translate อย่าแปลตรงตัว
ใช่ครับภาษาไทยกับอังกฤษ ไม่เหมือนกัน ห้ามไปแปลตรงตัวเช่นบอกว่า ภาษาอังกฤษของผม งูๆปลาๆ My english is snake snake fish fish พูดแบบนี้ฝรั่งงงแน่ๆครับ หรือบอกให้เปิดทีวีว่า open the TV อันนี้ผิดอย่างแรง เครื่องใช้ไฟฟ้าเค้าต้องพูดว่า turn on the TV นะ

ข้อ 4. Keep it simple ใช้ภาษาง่ายๆ
ใช่เลย จะพูดอังกฤษ คนไทยบางคนต้องคิดเอาให้ภาษาตัวเองดูไฮโซ พยายามใช้คำยากๆแทน เช่นจะไปกินข้าวที่บ้าน I’m going to dine at my house ไม่รู้จะใช้คำนี้ทำไมครับ ใช้ eat สิครับ จบ

ข้อ 5. Could you please slow down กรุณาพูดช้าๆหน่อย
คนไทยเป็นโรคขี้เกรงใจ หรือ หน้าแตก ครับ ฟังฝรั่งไม่เข้าใจ ก็ยังฟังต่อไป ไม่บอกให้เขารู้ว่าเราไม่เข้าใจ พอเป็นแบบนี้ก็เกิดความเข้าใจผิดทีหลัง หรือเขาสั่งงานมาเราก็ทำไม่ได้เพราะฟังไม่เข้าใจ ไม่ต้องกลัวครับถ้าฟังไม่ทัน ก็ขอให้เขาพูดช้าๆลงหน่อย

ข้อ 6. Relax ทำตัวสบายๆ
คนไทยเป็นโรคเกร็งเวลาคุยกับฝรั่ง หลายคน ไม่ต้องกลัวครับฝรั่งไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน เวลาคุยกับเขา ก็หักเป็นฝ่ายซักถามหรือชวนคุยไปเลยครับ เราจะได้ผูกมิตรกับเขา แล้วหมดโรคกลัวนี้ไปได้

ข้อ 7. Listen and Copy ฟังแล้วเลียนแบบ
ผมสนับสนุนมากๆครับ คือฝึกภาษา เราต้องหัดฟังแล้วเลียนแบบ และวิธีที่ดีที่สุดที่ผมชอบคือ ฝึกภาษาอังกฤษจากหนังนั่นแหละ ฝึกฟังแล้วเลียนแบบ เราจะได้ออกเสียงเป็น เผลอๆสำเนียงดีไปในตัวด้วย จะฝึกคำหยาบ คำสบถก็ทำไปเถอะ ถ้ามันช่วยคุณได้

ข้อ 8. Guess เดา
บางครั้งเวลาอ่านภาษาอังกฤษ แล้วเราไม่เข้าใจคำศัพท์ ผมมีวิธี ที่ผมเองก็ทำประจำ คือ เดาครับ อ่านหาใจความโดยรวมของเรื่องที่เราอ่าน บางครั้งเจอคำยากๆ เราก็ลองเดาว่ามันแปลว่าอะไร

ข้อ 9. Give yourself time ให้เวลากับตัวเอง
หมายถึงให้เวลากับตัวเองในการฝึกภาษาอังกฤษ จะบ่อยจะถี่แค่ไหนก็ขึ้นกับตัวเรา ไม่ใช่เห็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็ไม่สนใจที่จะขวนขวายหรือเรียนรู้ การมาอ่านบลอคของผม วันสองวันต่อครั้ง ก็ถือว่าคุณแบ่งเวลาตัวเองนิดเดียวไม่กี่นาทีในการฝึกภาษาอังกฤษเหมือนกัน

ข้อ 10. Read read read อ่าน อ่าน และก็อ่าน
ข้อสุดท้ายคือหัดอ่านอะเป็นภาษาอังกฤษเยอะๆ เราจะได้ภาษาเข้ามาให้หัว จนบางทีเก่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตัวผมเรียนในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ ผมอ่าน textbook ทั้งเล่มมาแล้วก็มี สิ่งที่ผมได้ ผมได้ทั้งคำศัพท์เฉพาะทางก็มีเยอะแยะ
ขอบคุณข้อมูล  :http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=464b4029d8d316a0

คำคมรักฉบับภาษาอังกฤษ ต้อนรับวาเลนไทน์

1_display
“True love is like a jigsaw puzzle. The pieces will find themselves when they are right for each other.”

ความ รักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอร์ ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ก็ต่อเมื่อแต่ ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่”ใช่”สำหรับตัวมันเอง

When you love someone..you’ll do anything to reach the heart of the one you love.
“เมื่อคุณรักใครสักคน…คุณจะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขา”

When you feel true love…you follow the way of the heart.
“เมื่อมีรักแท้…คุณก็พร้อมที่จะไปตามเสียงเรียกร้อง ของหัวใจ”

To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!
การได้รักเป็นเพียงความว่างเปล่า การถูกรักเป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่าง ส่วนการได้รักและการถูกรัก นั้นเป็นทุกอย่าง

It’s not too hard to find some love but it’s also not easy to make that love to be forever.
อันความรักไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มา และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะรักษาความรักนั้นให้อยู่เป็นนิรันดร์

154900xh58cdzrr2
ขอบคุณข้อมูล :http://wedding.kapook.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B.html

Quotes of life.

Posted: มีนาคม 19, 2013 in Uncategorized

Quotes of life.

15

Don’t take other people’s criticism to heart.
Instead, Listen to what they are saying
And learn from it.
 
อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ
แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า
Look for the positive in those around you and point them out.
Positive attracts positive.
 
จงมองหาข้อดีจากผู้คนรอบข้าง
เพื่อให้คุณได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ จากพวกเขา
Happiness is an attitude.
We either makes ourselves miserable or happy and strong.
It is your choice.
 
ความสุขเป็นเพียงทัศนคติหนึ่ง
เราจะทำชีวิตให้เศร้า สุข หรือเข้มแข็ง
ขึ้นอยู่กับเราเลือกที่จะเป็น

ขอบคุณข้อมูล :http://www.goodreads.com/quotes/tag/life